อยากใช้ Apple Watch ให้ได้นานๆคุ้มค่า ลองทำตามวิธีนี้ดูครับ เป็นทริกการตั้งค่าให้เครื่องใช้ไฟจากแบตให้น้อย เมื่อแบตถูกใช้งานน้อยสุขภาพแบตก็ไม่ลด ทำให้แบตไม่เสื่อม Apple Watch ของคุณจึงใช้งานได้นานๆคุ้มค่า
เลือกอ่าน
กรณีนี้ไม่สามารถแก้ไขอาการแบตเสื่อมได้นะครับ ถ้าแบตเสื่อมก็แนะนำให้ดำเนินการเปลี่ยนแบตแทน
ส่วนใหญ่ Watch OS ที่ออกมาให้อัปเดต มักจะเป็นการแก้ไข Bug ค่าError บางอย่างรวมไปถึงเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครื่อง การอัปเดต OS ให้ใหม่อยู่เสมอจึงเป็นการปรับปรุงระบบ Softwareให้ทำงานได้ดีและเสถียรขึ้น ฉะนั้นการอัปเดต OS จึงเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ Apple Watch ได้
วิธีการอัปเดต Watch OS
หน้าจอเป็นส่วนที่กินพลังงานจากแบตมากที่สุด ถึงแม้จอจะเป็น OLED แล้วก็ตามก็ยังคงใช้พลังงานมากกว่าอุปกรณ์อื่นๆ ในเครื่อง ยิ่งถ้าหน้าจอ Apple Watch ของเรามีขนาดใหญ่ก็ยิ่งกินพลังงานมากตามไปด้วย ฉะนั้นการปรับลดค่าความสว่างของหน้าจอลงในระดับที่เหมาะสมต่อการใช้งาน วิธีการนี้จึงช่วยให้แบตของเราอึดขึ้นไปด้วย
ไปที่ Setting>Display & Brightness> ปรับลดในความสว่างที่เหมาะสม
ภาพพักหน้าจอที่มีลูกเล่นเยอะหรือมีการเคลื่อนไหว จะกินไฟมาก ถึงแม้ว่ามันจะสวยงามแต่ทุกครั้งที่ยกข้อมือหน้าปัดเหล่านี้จะเคลื่อนไหวและทำงานต่อ ถ้าจะให้ประหยัดพลังงานแนะนำเลือกหน้าปัดที่มีสีเข้มและไม่เคลื่อนไหวแทน
วิธีการเปลี่ยนหน้าปัด
Always On Display เป็นฟีเจอร์ที่มีให้ ตั้งแต่ Series 5 ขึ้นมา ไม่มีใน SE Series ฟีเจอร์นี้คือ หน้าจอติดตลอด ถึงแม้จะเป็นช่วงที่ไม่ได้ยกข้อมือขึ้นมา ฉะนั้นทำให้เครื่องกินไฟอยู่ตลอด การปิดทิ้งก็ทำให้ประหยัดพลังงานได้เยอะเลย
วิธีการปิด Always On Display Setting>Display & Brightness>Always On>คลิกปิด
ถ้าฟีเจอร์นี้เปิดใช้งานอยู่ App ที่ไม่ได้ถูกปิดจะยังคงทำงานอยู่และรีเฟรซ อยู่ตลอดเวลาเพื่อ Update ข้อมูล ซึ่งการทำงานของฟีเจอร์นี้ทำให้เปลืองพลังงาน ในระยะยาวแบตเตอรี่ก็จะเสื่อมได้ไว
วิธีปิด Background App Refresh
การเปิดรับการแจ้งเตือนตลอดเวลา เป็นปัจจัยที่ทำให้เปลืองพลังงานและทำให้แบตเสื่อมไว ฉะนั้นการเปิดโหมดรับการแจ้งเตือนที่สำคัญหรือเฉพาะบางเวลาทำให้คุณสามารถประหยัดพลังงานได้
วิธีการเปิดโหมดโฟกัสบน Apple Watch กดปุ่ม Dock เพื่อเปิด Control Center>แตะที่รูปพระจันทร์>แตะ โหมดห้ามรบกวน>เปิดโหมดโฟกัสตามต้องการ
หากเราไม่อยากเปิดโหมด โฟกัสอยู่ตลอดเวลา ก็ให้มาจัดการปิดการแจ้งเตือนสำหรับแอปบางแอปแทนได้
วิธีการเปิด-ปิดการแจ้งเตือน
การลดเวลาการแสดงผลหน้าจอลง ยิ่งระยะเวลาเหลือน้อยเท่าไหร่ก็ทำให้เราประหยัดแบตได้มากเท่านั้น ซึ่งเวลาที่แนะนำก็คือ 15 วินาที
วิธีการปรับระยะเวลาหน้าจอ
ลดการเคลื่อนไหวหน้าจอลง ทำให้เครื่องประหยัดพลังงานได้ตามหัวข้อข้างต้น ยิ่งเคลื่อนไหวเยอะก็ใช้พลังงานเยอะไปด้วย
วิธีปรับลด Motion Effects
เมื่อเราเชื่อมต่อ Apple Watch ของเรากับ iPhone แอปที่อยู่ใน iPhone จะถูกดึงมาติดตั้งที่ Apple Watch ของเราด้วยแบบอัตโนมัติ(เฉพาะแอปที่รองรับการใช้งานบน Apple Watch) ฉะนั้นอาจมีแอปที่เราไม่มีความจำเป็นใช้ก็ให้ลบออกเพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้
วิธีการลบแอป
ฟีเจอร์ทุกอย่างล้วนแต่ใช้พลังงานทั้งสิ้น “หวัดดี Siri” เป็นอีกฟีเจอร์ที่แลกมากับการใช้พลังงานของแบตเตอรี่ ดังนั้นถ้าเราไม่มีความจำเป็นต้องใช้งานก็ให้ปิด
วิธีปิด “หวัดดี Siri”
ฟีเจอร์นี้ก็เป็นฟีเจอร์ที่ดึงพลังงานของแบตเตอรี่มาใช้ตลอดเวลา ฉะนั้นในบางครั้งเราอาจเลือกปิดฟีเจอร์นี้ไว้ชั่วคราวได้ เพื่อประหยัดพลังงาน
วิธีการปิด Heart Rate & Blood Oxygen Measurement
ทันทีที่เรายกมือ Apple Watch จะถูกปลุก ภาพหน้าจอจะติดขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่บางครั้งเราไม่ได้มีความจำเป็นที่จะใช้หรือดู Apple Watch ของเรา การปิดฟีเจอร์นี้ก็จะทำให้เราประหยัดพลังงานของแบตเตอรี่ได้เป็นอย่างดี
วิธีปิดการใช้ “ปลุกเมื่อยกข้อมือ”
การเปิดโหมดนี้จะทำให้ Apple Watch ของเราปิดการใช้งานฟีเจอร์บางอย่างลง เพื่อลดการใช้พลังงาน เช่น ฟีเจอร์ Always-On Display, คุณสมบัติ Time in Daylight ใหม่ของ watchOS 10, อัตราการเต้นของหัวใจ, การวัดออกซิเจนในเลือด และการเตือนการออกกำลังกาย
วิธีการเปิดโหมด “ประหยัดพลังงาน” เปิด Control Center>แตะที่ไอคอนเปอร์เซ็นต์แบต>แตะเปิดโหมดประหยัดพลังงาน>เปิดใช้
และนี้คือทั้ง 14 วิธีการตั้งค่าเพื่อประหยัดพลังงานทำให้คุณสามารถใช้งานแบตเตอรี่ของ Apple Watch ได้อย่างยาวนานและชะลอการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ลง
ส่วนอาการแบตเสื่อมอาจจะต้องแก้ไขด้วยการเปลี่ยนแบตแทน
เครดิต รูปภาพจาก idropnew