สอบถามและประเมินอาการฟรี
อาการจอ Burn-in ภาพซ้อนใน iPhone14ProMax

หน้าจอ iPhone14ProMax อาการ Burn In (มีภาพซ้อน) สาเหตุและวิธีป้องกัน

iPhone14ProMax เปิดตัวในปี 2022 ด้วยเทคโนโลยีหน้าจอ ที่แสดงผลด้วยอัตรา refresh rate 120 Hz และความละเอียดหน้าจอที่ 2796 x 1290 Pixel และความหนาแน่น Pixelที่ 460 ppi ด้วยหน้าจอที่มีคุณภาพสูงแบบนี้ ถูกพูดถึงในวงกว้างมากมายเกี่ยวกับหน้าจอของ iPhone14ProMax หลังจากเปิดตัวไม่นานปัญหาการเบิร์นของหน้าจอ iPhone รุ่นนี้ก็เริ่มมีผู้คนร้องเรียนให้เห็นในหลายๆ แพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับ Apple

อาการ Burn-in ที่ว่ามีอาการอย่างไร? มีสาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้าง?

ก่อนจะไปที่อาการ เรามาทำความเข้าใจเทคโนโลยีจอ OLED ที่ใช้ใน iPhone14ProMax กันก่อน OLED หรือ Organic Light Emitting Diodes เป็นจอภาพที่มีลักษณะคล้ายแผ่นฟิล์มบาง สามารถโค้งงอได้ และตัวจอภาพสามารถเรืองแสงหรือปล่อยแสงออกมาได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องอาศัย Backlight เหมือนจอ LED หรือ LCD เมื่อจอ OLED ได้รับพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ สารอินทรีย์ที่อยู่ใน OLED จะเปล่งแสงออกมาได้

สำหรับสีของแสงที่ปรากฏออกมาจะขึ้นอยู่กับ ชนิดของโมเลกุลของสารอินทรีย์ในชั้น OLED ซึ่งจะมีสารอินทรีย์ทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่ สารอินทรีย์ที่ให้แสงสี แดง เขียว น้ำเงิน RGB

เครดิตภาพ notebookcheck

ส่วนความสว่างขอจอภาพจะขึ้นอยู่กับกระแสอิเล็กตรอน หากมีกระแสมากแสงก็จะมีความสว่างมากไปด้วย

สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการหน้าจอ Burn-in ได้แก่ :

จอแสดงผล OLED ใช้หลักการในการเรืองแสง ฉะนั้นแล้วขณะที่เราสลับเปลี่ยนหน้าจอไปหน้า Screen อื่นแล้ว หน้า Screen เดิมยังคงเรืองแสงสร้างภาพอยู่ แต่แค่ถูกแสงจากภาพ Screen ใหม่บดบัง ฉะนั้นแล้ว ถ้าเราค้างหน้าจอ Screen ไหนไว้นานๆ ในระดับความสว่างมากที่สุด โอกาสที่ภาพหน้านั้นจะ ติด Burn-in ตามมาก็สูงตามไปด้วย เช่น เวลา Live สด แล้วมี โลโก้ หรือ ลอยคีย์บอร์ด ไว้นานเป็น ชั่วโมงๆ ทำแบบนี้ต่อเนื่องหลายวัน สักพัก ภาพโลโก้และคีย์บอร์ดก็จะปรากฏให้เห็น

และเนื่องด้วยอายุของสารอินทรีย์สีน้ำเงินจะมีอายุสั้นกว่าสารอินทรีย์สีแดงและเขียว และเมื่อสารอินทรีย์น้ำเงินหมดอายุ อาการ Burn-in ที่เรามักจะเห็นจะเป็นสี เหลืองอมน้ำตาลๆ ชมพู เพราะมันเกิดจากการผสมสีของ สีแดง สีเขียวที่ไม่มีสีน้ำเงินมาเป็นส่วนประกอบที่เหมาะสม นั้นเอง

สรุปสาเหตุที่ทำแล้วจอมีโอกาส Burn-in

1.ค้างหน้าจอเดิมเป็นเวลานาน

2.เปิดความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่เสมอ

3.ใช้หน้าจอต่อเนื่องไม่พักหน้าจอ

4.อายุการใช้งานของหน้าจอ

วิธีป้องกันหน้าจอไอโฟนของเราไม่ให้ Burn-in

1.หลีกเลี่ยงการแสดงภาพนิ่งที่สว่างมาก นานเกินไป

2.เปิด Auto-Brightness ให้หน้าจอลดหรือเพิ่มแสงอัตโนมัติ

3. ปรับเวลาการล็อกหน้าจอลง ลดเวลาการแสดงภาพนิ่ง

วิธีแก้ไขอาการจอ Burn-in เบื้องต้น สำหรับหน้าจอไอโฟน

สำหรับไอโฟนของใคร มีอาการจอ Burn-in ให้เห็นแล้ว ลองแก้ไขด้วยวิธีการที่แนะนำด้านล่าง แต่ก็ต้องบอกว่า ถ้าอาการเป็นถึงขั้นที่อายุของสารอินทรีย์หมดอายุไปแล้วอันนี้ทำใจได้เลยครับ อยากให้หายต้องเปลี่ยนจอใหม่เท่านั้นนะครับ

1.ปิดเครื่องไว้ซัก 15 นาที แล้วค่อยเปิดใช้ใหม่ เหมือนทำการ Shut down สารเรืองแสงให้ดับให้หมดก่อน

2.ถ้าทำข้อหนึ่งแล้วไม่หาย แนะนำให้ปิดไว้ค้างคืนเลยครับ

3.ถ้าไม่หาย ให้ลองใช้เครื่องไปก่อนประมาณ 2-3 วัน หลีกเลี่ยงการใช้หน้าจอแบบไม่เปลี่ยนหน้าจอนะครับ ให้สลับเปลี่ยนหน้าจอไปมาล้างอาการจอ Burn-in ออก อาจจะหายได้

แต่ถ้าทำทุกอย่างตามข้างต้นที่ได้แนะนำไปแล้วยังไม่หาย แนะนำให้ดำเนินการเปลี่ยนหน้าจอใหม่แทนครับ เพราะหน้าจอไอโฟนของคุณเสื่อมสภาพ ไม่สามารถแก้ไขด้วยวิธีเบื้องต้นได้ ต้องเปลี่ยนหน้าจอเพียงอย่างเดียว ซึ่งถ้าเครื่องไอโฟนของคุณอยู่ในประกันก็เข้าศูนย์แอปเปิลได้เลย แต่ถ้าหมดประกันแล้วอาจจะมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนหน้าจอใหม่ เช็คราคาหน้าจอได้ที่ลิงก์ด้านล่าง ทั้งราคาจอใหม่ที่ศูนย์และร้านนอก

YukiFix Best Quality Fast Service

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง

Contact us

คลิกที่สาขาได้เลย!!

กลับด้านบน